Tencent Cloud
Tencent Cloud
Serverless Cloud Function

Serverless Cloud Function

ระบบประมวลผลแบบไร้ server บนคลาวด์

ติดต่อฝ่ายขาย

ภาพรวม

Serverless Cloud Function (SCF) ของ Tencent Cloud เป็นสภาพแวดล้อมการดำเนินการแบบไร้เซิร์ฟเวอร์ที่ช่วยให้คุณสร้างและเรียกใช้แอปพลิเคชันโดยไม่ต้องซื้อและจัดการกับเซิร์ฟเวอร์แต่อย่างใด เพียงแค่เขียนโค้ดในภาษาที่รองรับและกำหนดเงื่อนไขการดำเนินการ จากนั้นโค้ดของคุณก็จะสามารถทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานของ Tencent Cloud ได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัย ซึ่ง SCF เป็นแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสำหรับกรณีการใช้งานอย่างการประมวลผลไฟล์แบบเรียลไทม์ และการประมวลผลข้อมูล

ประโยชน์

Ease of Use

Ease of Use

ผู้ใช้งานสามารถลดความซับซ้อนของสถาปัตยกรรมบริการได้อย่างมาก เพียงแค่เขียน "โค้ดหลัก" ที่สำคัญที่สุด โดยไม่ต้องวิตกเรื่องส่วนประกอบต่อพ่วงแต่อย่างใด โดย SCF สามารถปรับขนาดขึ้นและลงตามจำนวนคำขอโดยไม่จำเป็นต้องกำหนดค่าด้วยตนเอง ขณะเดียวกัน SCF ยังสามารถจัดเตรียมทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ ไม่ว่าคำร้องขอไปยังแอปพลิเคชันของคุณจะอยู่ในช่วงเวลาใดก็ตาม
High Efficiency

High Efficiency

SCF สามารถทำงานเข้ากันได้กับกรอบการทำงานที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้มุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาโค้ดหลักของตนได้อย่างเต็มที่ โดยการพัฒนาโมดูล (Module) แต่ละโมดูลไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับรายละเอียดของโค้ด SCF สามารถใช้เพื่อเขียนโมดูลทางธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์เดียวและเป็นโมดูลทางธุรกิจที่เป็นอิสระอย่างมีเหตุผล แต่ละฟังก์ชันการทำงานจะถูกเรียกใช้ ปรับใช้และปรับขนาดแยกกัน และสามารถปรับใช้โดยอัตโนมัติหลังจากที่ผู้ใช้งานอัปโหลดโค้ดที่เกี่ยวข้อง เร่งการพัฒนาและการทำซ้ำอย่างอิสระ
High Stability and Reliability

High Stability and Reliability

ในกรณีที่ โซนที่พร้อมใช้งานหยุดทำงานเนื่องจากภัยธรรมชาติหรือเหตุไฟฟ้าขัดข้อง SCF สามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานของโซนอื่น ๆ ที่มีอยู่โดยอัตโนมัติสำหรับการเรียกใช้รหัสโดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของบริการที่มีอยู่ในการดำเนินงานโซนพร้อมใช้งานแบบเดี่ยว โดยปริมาณงานที่เรียกใช้ตามเหตุการณ์สามารถทำได้โดยใช้ SCF ซึ่งใช้ประโยชน์จากบริการคลาวด์ที่แตกต่างกันเพื่อตอบสนองความต้องการของสถานการณ์ทางธุรกิจที่แตกต่างกันและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสถาปัตยกรรมบริการของผู้ใช้งาน
Simplified Management

Simplified Management

ด้วย SCF ทำให้การกำหนดค่าที่ซับซ้อนและการจัดการการบุกรุกของระบบปฏิบัติการ OS, ความเสี่ยงในการเข้าสู่ระบบ,ความปลอดภัยของระบบไฟล์เอกสาร, ความปลอดภัยของเครือข่ายและการตรวจสอบพอร์ต กลายเป็นเรื่องในอดีตไม่ต้องกังวลอีกต่อไป โดยฟังก์ชั่นแพลตฟอร์มส่วนกลางจะช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้แยกจากหน่วยบรรจุ (คอนเทนเนอร์) ที่กำหนดเอง ซึ่ง SCF สามารถปรับใช้และทดสอบได้ในคลิกเดียวโดยไม่ต้องใช้ไฟล์การกำหนดค่าที่ซับซ้อน
Reduced Overhead

Reduced Overhead

SCF ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใด ๆ เมื่อไม่มีการใช้งาน ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับกระบวนการทางธุรกิจของบริษัทต่างชาติได้อย่างมาก โดยเมื่อ SCF ดำเนินการด้าน "โค้ด" จึงจะมีการเรียกเก็บเงินผู้ใช้งานตามจำนวนคำขอและเวลาทำงานของบรรดาทรัพยากรคอมพิวเตอร์ ซึ่งรูปแบบการกำหนดราคานี้มีข้อดีที่ชัดเจนและเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักพัฒนาใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น

คุณสมบัติ

การบริหารจัดการรหัส (โค้ด)

เมื่อ รหัส หรือ โค้ด ได้รับการอัปโหลดแล้ว ระบบ SCF สามารถให้วิธีการจัดการสารพัดโค้ดต่างๆ แก่ผู้ใช้งาน ดังนี้ :

ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขรหัสหรือโค้ดผ่านแผงควบคุม (คอนโซล) โดยวิธีนี้เหมาะสำหรับรหัสของธุรกิจที่ไม่ต้องพึ่งพาภายนอก (dependencies) ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยตรงในคอนโซล

ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถบีบอัด dependencies และรหัสทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก่อนอัปโหลดแพ็กเกจที่ซิปหรือบีบอัดแล้วไปยัง SCF ซึ่ง แพลตฟอร์ม SCF จะแยกและเรียกใช้ฟังก์ชันการเข้า (entry) โดยอัตโนมัติ

ขณะเดียวกัน ผู้ใช้สามารถบีบอัดdependenciesและรหัสทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก่อนอัปโหลดแพ็กเกจที่บีบอัดแล้วไปยังคลังเก็บข้อมูลบนคลาวด์ หรือ Tencent Cloud Object Storage (COS) พร้อมระบุที่เก็บข้อมูลและไฟล์วัตถุที่โค้ดอยู่ใน SCF

รองรับการพัฒนาในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
SCF รองรับสภาพแวดล้อมการพัฒนาที่หลากหลาย ดังนั้นผู้ใช้งานจึงสามารถเลือกภาษาสำหรับการพัฒนาที่เหมาะสมกับความต้องการขณะทำการเขียนฟังก์ชัน โดยปัจจุบันรองรับภาษาต่อไปนี้: Python 2.7 & 3.6, Node.js 6.10 และ Java 8
การปรับขนาดอัตโนมัติ
SCF รองรับการปรับขนาดที่ยืดหยุ่นแบบเรียลไทม์ในหน่วยมิลลิวินาที ดังนั้นจึงสามารถปรับขนาดขึ้นหรือลงได้อย่างเต็มที่ตามปริมาณการร้องขอ โดยระบบ load balance (ซึ่งเป็นระบบที่สามารถรองรับโหลดงาน หรือปริมาณการใช้งานระบบได้มากกว่าเดิม) จะกระจายคำร้องขอไปยังกรณีฟังก์ชั่นไม่จำกัดจำนวนในระบบหลักบ้าน กำจัดความจำเป็นที่ต้องมีการกำหนดค่าแบบmanual และการดำเนินการ และสร้างความพึงพอใจให้กับสถานการณ์ต่างๆที่มีปริมาณการทำงานพร้อมกันตั้งแต่ 0 ถึงหลายหมื่น
ตัวกระตุ้นอีเวนต์

เมื่อการอัปโหลดโค้ดเรียบร้อยแล้ว SCF สามารถนำเสนอวิธีการจัดการโค้ดต่างๆแก่ผู้ใช้งาน โดย SCF จะสนับสนุนการตั้งค่าของตัวกระตุ้นหลายตัวเพื่อกำหนดเวลาที่ควรเรียกใช้โค้ด ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์ตรงตามเงื่อนไขของตัวกระตุ้น (อีเวนต์) ตัวโค้ดหรือรหัสก็จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ ขณะที่ตัวทรัพยากรโครงสร้างพื้นฐานจะถูกกำหนดโดยอัตโนมัติสำหรับการปรับขนาดอัตโนมัติและการเรียกคืนตามปริมาณคำขอ (reclaim) ซึ่งสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจุบัน สามารถรองรับตัวกระตุ้นหรือทริกเกอร์ดังต่อไปนี้:

ระบบสำรองข้อมูลคลาวด์ (Cloud Object Storage : COS) SCF สามารถถูกกระตุ้นได้เมื่อไฟล์ได้รับการอัปโหลดหรือลบออกจากที่เก็บข้อมูล COS ที่ระบุไว้โดยเฉพาะ และสามารถดำเนินการจัดการกับไฟล์ได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีการอัปโหลดรูปภาพไปยังที่เก็บข้อมูลเฉพาะ ภาพก็จะถูกบีบอัดหรือครอบตัดเพื่อให้พอดีกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่มีความละเอียดแตกต่างกัน

ตัวจับเวลา (Timer) : SCF สามารถถูกกระตุ้นได้โดยตัวจับเวลา ดังนั้นผู้ใช้งานสามารถสร้างระบบควบคุมอัตโนมัติที่ยืดหยุ่นมากขึ้นได้

ตัวกระตุ้นด้วยมือ (Manual trigger) : SCF สามารถถูกกระตุ้นด้วยมือผ่าน Cloud API / แผงควบคุม (คอนโซล) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขข้อบกพร่องและใช้ SCF ได้อย่างสะดวกและโปร่งใสยิ่งขึ้น

ตัวกระตุ้นลำดับหัวข้อ CMQ : SCF สามารถถูกกระตุ้นให้ทำงานได้โดยข้อความในลำดับ (คิว) หัวข้อ CMQ ซึ่งการลำดับคิวข้อความ CMQ ถูกใช้เพื่อแยกเหตุการณ์ซึ่งช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ

การตรวจสอบและการบันทึก
SCF มีการบันทึกโดยละเอียดซึ่งผู้ใช้งานสามารถดูสถานะการทำงานของฟังก์ชันการทำงานต่างและการแก้จุดบกพร่อง, การทดสอบและการตรวจสอบโค้ดหรือรหัสได้อย่างง่ายดาย ขณะเดียวกัน ก็สามารถรายงานตัวบ่งชี้การตรวจสอบที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจสภาพการทำงานโดยรวมของฟังก์ชันได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถปรับแต่งตัวบ่งชี้การตรวจสอบเพื่อทำการตรวจสอบ SCF ที่ลึกขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น

เมื่อ รหัส หรือ โค้ด ได้รับการอัปโหลดแล้ว ระบบ SCF สามารถให้วิธีการจัดการสารพัดโค้ดต่างๆ แก่ผู้ใช้งาน ดังนี้ :

ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขรหัสหรือโค้ดผ่านแผงควบคุม (คอนโซล) โดยวิธีนี้เหมาะสำหรับรหัสของธุรกิจที่ไม่ต้องพึ่งพาภายนอก (dependencies) ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยตรงในคอนโซล

ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถบีบอัด dependencies และรหัสทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก่อนอัปโหลดแพ็กเกจที่ซิปหรือบีบอัดแล้วไปยัง SCF ซึ่ง แพลตฟอร์ม SCF จะแยกและเรียกใช้ฟังก์ชันการเข้า (entry) โดยอัตโนมัติ

ขณะเดียวกัน ผู้ใช้สามารถบีบอัดdependenciesและรหัสทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก่อนอัปโหลดแพ็กเกจที่บีบอัดแล้วไปยังคลังเก็บข้อมูลบนคลาวด์ หรือ Tencent Cloud Object Storage (COS) พร้อมระบุที่เก็บข้อมูลและไฟล์วัตถุที่โค้ดอยู่ใน SCF

รูปแบบการใช้

Real-time File Processing
ในสถานการณ์การใช้งานแอปพลิเคชั่น เช่น การวิดีโอและการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ผู้ใช้มักจะอัปโหลดแคช (cache) ของรูปภาพ, ไฟล์เสียง และไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่ โดยกำหนดให้มีความต้องการใช้แบบเรียลไทม์และการทำงานพร้อมกันสูงในระบบประมวลผล ตัวอย่างเช่น สำหรับกรณีที่ผู้ใช้อัปโหลดคลิปวิดีโอ เราสามารถใช้ SCF หลายตัวที่สอดคล้องกับความละเอียดที่แตกต่างกัน (1080p, 720p เป็นต้น) สำหรับการประมวลผลแยกกัน ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสิทธิภาพที่ต้องการในสถานกาณณ์ต่างๆ แม้จะมีช่วงแบนด์วิดท์ที่แคบและการเชื่อมต่อที่ไม่เสถียรเมื่อใช้เครือข่ายเซลลูลาร์ (การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่)
ในสถานการณ์การใช้งานแอปพลิเคชั่น เช่น การวิดีโอและการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ผู้ใช้มักจะอัปโหลดแคช (cache) ของรูปภาพ, ไฟล์เสียง และไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่ โดยกำหนดให้มีความต้องการใช้แบบเรียลไทม์และการทำงานพร้อมกันสูงในระบบประมวลผล ตัวอย่างเช่น สำหรับกรณีที่ผู้ใช้อัปโหลดคลิปวิดีโอ เราสามารถใช้ SCF หลายตัวที่สอดคล้องกับความละเอียดที่แตกต่างกัน (1080p, 720p เป็นต้น) สำหรับการประมวลผลแยกกัน ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสิทธิภาพที่ต้องการในสถานกาณณ์ต่างๆ แม้จะมีช่วงแบนด์วิดท์ที่แคบและการเชื่อมต่อที่ไม่เสถียรเมื่อใช้เครือข่ายเซลลูลาร์ (การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่)
Real-time File Processing