Tencent Cloud
Tencent Cloud
ระบบกระจายคำสั่งในคลาวด์

ระบบกระจายคำสั่งในคลาวด์

บริการกระจายคำสั่งที่ปลอดภัย เสถียร และปรับขยายโครงสร้างได้อย่างยืดหยุ่น

ติดต่อฝ่ายขาย

ภาพรวม

ระบบกระจายคำสั่งในคลาวด์ (Cloud Load Balancer: CLB) ของเทนเซ็นต์ คลาวด์ คือ บริการกระจายคำสั่งที่ปลอดภัยและรวดเร็ว โดยจะมีการกระจายคำสั่งที่เข้ามาในระบบไปยัง Instance หลากหลายของบริการคลาวด์ในลักษณะคอมพิวเตอร์เสมือน (Cloud Virtual Machine: CVM) โดยอัตโนมัติผ่านทางระบบกระจายคำสั่งในคลาวด์ ถือเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการอย่างเป็นระบบ และช่วยกำจัดจุดอ่อนต่างๆ ที่ทำให้ระบบล่มออกไป โดยระบบกระจายคำสั่งในคลาวด์นั้นรองรับกว่าร้อยล้านการเชื่อมต่อและนับสิบล้านคำร้องขอที่เข้ามาพร้อมกัน จึงทำให้สามารถรับมือกับการเข้าถึงคำสั่งจำนวนมากและความต้องการใช้งานทางธุรกิจสูงได้

ประโยชน์

ประสิทธิภาพสูง

ประสิทธิภาพสูง

ระบบกระจายคำสั่งในคลาวด์ หรือ CLB จำนวน 1 คลัสเตอร์ (ไม่ใช่ 1 Instance) สามารถรองรับได้ถึง 120 ล้านการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นพร้อมกัน สามารถรับมือแบนด์วิดท์ของ Traffic ได้ถึง 40 Gbp และยังประมวลผลได้ถึง 6 ล้าน Packet ข้อมูลต่อวินาที จึงทำให้ผู้ใช้สามารถบริหารจัดการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มโซเชียล เน็ตเวิร์ค และธุรกิจเกมที่มียอดเข้าชมเพจกว่า 10 ล้านครั้งต่อวันได้
ความพร้อมใช้งานสูง

ความพร้อมใช้งานสูง

CLB 1 คลัสเตอร์ประกอบด้วยเซิร์ฟเวอร์เครื่องจริง 4 เครื่องที่มีความพร้อมใช้งานสูงถึง 99.95% ในกรณีฉุกเฉินที่มี Instance ของ CLB พร้อมใช้งานเพียง Instance เดียว CLB ก็ยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้กว่า 30 ล้านการเชื่อมต่อ โดยระบบคลัสเตอร์จะทำการกำจัด Instance ที่ทำงานขัดข้องออกไป และเก็บ Instance ที่สมบูรณ์ไว้เพื่อเป็นการรับรองว่าเซิร์ฟเวอร์ระบบหลังบ้านจะยังทำงานได้ตามปกติ
ความสามารถในการปรับขยายโครงสร้างที่ยืดหยุ่น

ความสามารถในการปรับขยายโครงสร้างที่ยืดหยุ่น

คลัสเตอร์ CLB ทำหน้าที่ปรับขยายขนาดของประสิทธิภาพการบริการของระบบแอปพลิเคชันได้อย่างยืดหยุ่น โดยอิงจากปริมาณการใช้งาน และยังสร้างและปล่อย Instance ของบริการคลาวด์ในลักษณะคอมพิวเตอร์เสมือน หรือ CVM ผ่านทางฟีเจอร์ปรับขยายความต้องการใช้งานอัตโนมัติ (Auto Scaling: AS) ได้ด้วย เมื่อรวมฟีเจอร์การใช้งานของ CLB เข้ากับระบบเฝ้าสังเกตที่ Dynamic และระบบชำระเงินที่แม่นยำในระดับวินาที ก็สามารถช่วยให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องแทรกแซงหรือลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง และยังไม่ต้องคาดการณ์จำนวนทรัพยากรที่ต้องใช้ล่วงหน้าอีกด้วย จึงถือเป็นการช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดสรรปันส่วนทรัพยากรคอมพิวติ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันการสิ้นเปลืองทรัพยากรได้
ความปลอดภัยและเสถียรภาพ

ความปลอดภัยและเสถียรภาพ

ระบบ Anti-DDoS ของโปรโตคอล BGP ช่วยให้ CLB สามารถป้องกันการโจมตีเครือข่ายได้เกือบทุกรูปแบบ (เช่น DDoS, CC และการบุกรุกโจมตีเว็บไซต์) และยังสามารถล้างระบบ Traffic ที่โดนโจมตีได้ภายในไม่กี่วินาที จึงสามารถป้องกันไม่ให้เกิดหมายเลขไอพีที่โดนบล็อคและแบนด์วิดท์ที่ไม่พร้อมใช้งานได้ โดยกลไกป้องกันการโจมตีแบบ Synproxy ที่สร้างขึ้นเองและมีมาในตัวของ CLB ช่วยป้องกันไม่ให้ CVM หลังบ้านโดนโจมตีและถูกใช้งานหนักเกินไปก่อนที่ระบบโปรโตคอล BGP จะทำงานและช่วยรับรองความปลอดภัยและเสถียรภาพของข้อมูล
ต้นทุนต่ำ

ต้นทุนต่ำ

CLB ช่วยตัดความจำเป็นในการลงทุนกับฮาร์ดแวร์ Load Balance เพิ่มเติม และช่วยให้สามารถอุทิศเวลาให้กับงานระบบปฏิบัติการที่มีมากมาย จึงช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์และแรงงานไปได้กว่า 99% นอกจากนี้ CLB ยังมีการเรียกชำระเงินตามการใช้งานจริง ผู้ใช้จึงจ่ายเงินเฉพาะเท่าที่ใช้ไปเท่านั้น และยังสมารถสร้างหรือยุติ Instance ของ CLB ได้ทุกเมื่อตามความต้องการใช้งานของธุรกิจ

คุณสมบัติ

การส่งต่อข้อมูลแบบหลายโปรโตคอล
CLB รองรับคำร้องของจากโปรโตคอลชั้นที่ 4 (รวมทั้ง TCP และ UDP) และโปรโตคอลชั้นที่ 7 (รวมทั้ง HTTP และ HTTPS) โดยระบบการจัดการใบรับรองแบบรวมศูนย์ของ CLB ทำหน้าที่รองรับโปรโตคอล HTTPS จึงทำให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อถือได้มากขึ้น
การตั้งค่าน้ำหนักเริ่มต้น
ฟีเจอร์การตั้งค่าน้ำหนักเริ่มต้นทำหน้าที่เพิ่มความเร็วให้การประมวลผลคำร้องขอของ CVM หลังบ้าน โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าน้ำหนัก CVM หลังบ้านเป็นเลขจำนวนเต็มได้ตั้งแต่ 1 ถึง 100 โดยจะมีการตั้งไว้ที่ 10 เป็นค่ามาตรฐาน นอกจากนี้ CLB ยังทำหน้าที่กระจายคำสั่งไปยัง CVM หลังบ้านหลายตัวที่แตกต่างกันไป โดยอิงจากค่าน้ำหนักที่ตั้งไว้ หรือผลการทำ Hash และ Polling ของหมายเลขไอพีที่เป็นต้นทางการเข้าถึง โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าน้ำหนักที่สูงขึ้นสำหรับ CVM ที่มีคุณสมบัติสูงกว่าตัวอื่น (เช่น ซีพียู และประสิทธิภาพหน่วยความจำ) ได้ เพื่อที่ว่า CVM จะสามารถรองรับคำร้องขอได้มากขึ้นอีก
การวางเส้นทางที่อิงจากเนื้อหาข้อมูล
โปรโตคอลชั้นที่ 7 ของ CLB ในแอปพลิเคชันนั้นมีการวางเส้นทางเพื่อส่งข้อมูลโดยอิงจากเนื้อหาข้อมูล ซึ่งรองรับชื่อโดเมน/URL ที่ผู้ใช้กำหนดเอง เงื่อนไขและตัวการกำหนดเส้นทางข้อมูลที่ตั้งค่าเอง และยังช่วยให้สามารถกระจายคำร้องขอต่างๆ ไปยัง CVM หลังบ้านภายใต้เงื่อนไขการส่งต่อข้อมูลที่แตกต่างกันด้วย โดยผู้ใช้สามารถใช้งาน CLB ในการแบ่งกลุ่มเป้าหมายสำหรับการแยกการทำธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการอย่างมาก
การเปลี่ยนเส้นทางคำร้องขอ

โปรโตคอลชั้นที่ 7 ของ CLB ในแอปพลิเคชันรองรับการเปลี่ยนเส้นทาง (การทำ Rewrite) แบบตั้งค่าเอง ซึ่งช่วยแก้ปัญหาหลัก 2 ประการ ดังนี้

- HTTPS แบบบังคับใช้: เมื่อมีการเข้าใช้บริการเว็บไซต์ด้วยคำร้องขอแบบ HTTP ผ่านทางเครื่องพีซีหรือเบราเซอร์มือถือ และคำร้องขอผ่านเข้ามาทาง Proxy ของ CLB แล้ว ระบบจะทำการส่งการตอบสนองแบบ HTTPS กลับไปยังเบราเซอร์ เพื่อบังคับให้เบราเซอร์เข้าถึงเว็บเพจโดยใช้ HTTPS

- การเปลี่ยนเส้นทางที่ตั้งค่าเอง: ฟีเจอร์การเปลี่ยนเส้นทางนั้นมีความจำเป็นเมื่อการให้บริการของเว็บไซต์จำเป็นต้องเข้าโหมดออฟไลน์ชั่วคราว เช่น กรณีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซสินค้าหมด หรือเมื่อเว็บไซต์ต้องหยุดให้บริการเพื่อซ่อมบำรุง อัปเดท หรืออัปเกรด เป็นต้น หากไม่มีการใช้ฟีเจอร์เปลี่ยนเส้นทาง ที่อยู่เว็บไซต์แบบเก่าที่บันทึกไว้ใน Bookmark ของผู้ใช้และในฐานข้อมูลของเว็บ Search Engine ก็จะขึ้นเป็นหน้า ‘404’ หรือ ‘503’ Error ซึ่งเป็นการทำให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ด้อยคุณภาพลง และส่งผลให้เกิดการสูญเสีย Traffic คนเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น

 

อัลกอริธึ่มการจัดตารางแบบหลากหลาย
CLB รองรับอัลกอริธึ่มการจัดตารางงานสามประเภท (แบบ Weighted Round Robin, IP Hash และ Weighted Least Connections) และสามารถตั้งค่าน้ำหนัก CVM หลังบ้านได้เพื่อรับรองว่าการจัดตารางงานจะเป็นไปอย่างราบรื่นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ CLB นอกจากนี้ CLB ยังรองรับอัลกอริธึ่มแบบ Least Connections ในโปรโตคอล HTTP ชั้น 7 เพื่อรับรองว่าจะมีการเพิ่มปริมาณการรับงานได้ของ CVM หลังบ้านทุกตัวอย่างรวดเร็วเมื่อ CVM เข้ามาทำงานร่วมกับคลัสเตอร์ จึงเป็นการช่วยลดภาระปริมาณงานของ CVM หลังบ้านตัวอื่นๆ
ความคงทนของ Session
สำหรับผู้ใช้แบบชั้นที่ 4 CLB มีฟังก์ชันความคงทนของ Session แบบเรียบง่าย (หรือที่รู้จักกันว่า ความคงทนของ Session แบบอิงจากหมายเลขไอพีหรือหมายเลขไอพีต้นทาง) ให้ใช้งาน เมื่อ CLB ทำหน้าที่กระจายงาน ก็จะมีการใช้หมายเลขไอพีต้นทางของคำร้องขอการเข้าถึงเป็นฐานในการพิจารณา Session ที่เกี่ยวข้องและเหมาะสม จากนั้น CLB จึงจะส่งคำร้องขอทั้งหมดจากหมายเลขไอพีเดียวกันไปยัง CVM เดียวกัน ส่วนสำหรับผู้ใช้ชั้นที่ 7 นั้น CLB จะทำงานโดยใช้คุกกี้วิธีความคงทนของ Session แบบ Injection ที่ซึ่ง CLB จะรับหน้าที่แทรกคุกกี้เข้าไปในระบบโดยไม่จำเป็นต้องมีการตั้งค่า CVM หลังบ้าน
ตรวจสุขภาพ
ผู้ใช้สามารถตั้งค่าความถี่ที่ CLB จะทำการตรวจเช็คสภาพการทำงานของ CVM หลังบ้านว่ายังปกติดีหรือไม่ได้ด้วยตัวเอง โดยเมื่อตรวจพบ CVM ที่ทำงานผิดปกติ CLB จะหยุดกระจายงานให้ CVM ตัวนั้น และคัดสรรตัวที่ทำงานปกติออกมาแทน เพื่อรับรองความต่อเนื่องของธุรกิจ
การกู้ข้อมูลคืนจากความเสียหายแบบข้ามพื้นที่การใช้งาน
มีการรันใช้งาน CLB ในหลายพื้นที่การใช้งานภายในภูมิภาคเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถรันใช้งานคลัสเตอร์หลัก/รอง ประสิทธิภาพสูงได้ 2 คลัสเตอร์ ในมณฑลกว่างโจว โซน 2 และ 3 ตามลำดับ โดยเมื่อการบริการในมณฑลกว่างโจว โซน 2 นั้นเข้าถึงไม่ได้ ระบบก็จะกระจายงานไปยังมณฑลกว่างโจว โซน 3 แทนโดยอัตโนมัติ จึงเป็นการง่ายที่จะรับมือกับการขัดข้องต่างๆ ที่ระดับศูนย์กลางข้อมูล และเมื่อทำงานร่วมกับขีดความคมชัด DNS ของ DNSPod แล้ว CLB ก็จะสามารถรองรับระบบกระจายงานระดับโลก เพื่อให้สามารถกู้คืนข้อมูลจากความเสียหายได้แบบข้ามพื้นที่การใช้งาน
CLB รองรับคำร้องของจากโปรโตคอลชั้นที่ 4 (รวมทั้ง TCP และ UDP) และโปรโตคอลชั้นที่ 7 (รวมทั้ง HTTP และ HTTPS) โดยระบบการจัดการใบรับรองแบบรวมศูนย์ของ CLB ทำหน้าที่รองรับโปรโตคอล HTTPS จึงทำให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อถือได้มากขึ้น

รูปแบบการใช้

ประเภทธุรกิจ

- ธุรกิจประเภทที่มีช่วงขาขึ้น-ลงอย่างเห็นได้ชัด ต้องการเสถียรภาพทางธุรกิจและต้นทุนต่ำ

 

คำบรรยายรูปแบบการใช้งาน

- ธุรกิจผ่านช่วงขาขึ้น-ลงที่สำคัญ จึงต้องการการควบคุมทรัพยากรหลังบ้านที่ยืดหยุ่นได้

ธุรกิจมีความต้องการใช้งานที่มีข้อจำกัดทางเวลา ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงแคมเปญโปรโมชั่นลดราคาของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ยอดเข้าชมหน้าเว็บอาจเพิ่มจำนวนเป็น 10 เท่าภายในไม่กี่ชั่วโมง จึงต้องมีการเพิ่มจำนวน CVM หลังบ้านจำนวนมาก และเมื่อยอดเข้าชมลดลง ก็มีความจำเป็นต้องยุติการทำงานของ CVM ที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป โดยผู้ใช้สามารถใช้งาน CLB ให้ทำหน้าที่กระจายงานไปยังระบบธุรกิจต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการระบบแอปพลิเคชันและปรับทรัพยากรหลังบ้านให้เหมาะสมแบบเรียลไทม์ได้อย่างยืดหยุ่น

 - ธุรกิจมี Traffic ขาขึ้นสูง และจำเป็นต้องสร้างโครงสร้างที่ต้นทุนต่ำ

การใช้ฮาร์ดแวร์แบบดั้งเดิมเพื่อสร้างคลัสเตอร์เมื่อธุรกิจมี Traffic ขาขึ้นสูงนั้นมีราคาแพง และมีงานระบบปฏิบัติการอีกมากที่ต้องทำ CLB สามารถทำงานร่วมกับ Cloud Monitor ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อจัดการ Traffic ช่วงการใช้งานสูง และลดต้นทุนการรันใช้งาน จึงช่วยลดภาระผู้ใช้จากหน้าที่ระบบปฏิบัติการฮาร์ดแวร์ และช่วยให้ผู้ใช้ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาฟีเจอร์สินค้าแทน

ประเภทธุรกิจ

- ธุรกิจประเภทที่มีช่วงขาขึ้น-ลงอย่างเห็นได้ชัด ต้องการเสถียรภาพทางธุรกิจและต้นทุนต่ำ

 

คำบรรยายรูปแบบการใช้งาน

- ธุรกิจผ่านช่วงขาขึ้น-ลงที่สำคัญ จึงต้องการการควบคุมทรัพยากรหลังบ้านที่ยืดหยุ่นได้

ธุรกิจมีความต้องการใช้งานที่มีข้อจำกัดทางเวลา ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงแคมเปญโปรโมชั่นลดราคาของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ยอดเข้าชมหน้าเว็บอาจเพิ่มจำนวนเป็น 10 เท่าภายในไม่กี่ชั่วโมง จึงต้องมีการเพิ่มจำนวน CVM หลังบ้านจำนวนมาก และเมื่อยอดเข้าชมลดลง ก็มีความจำเป็นต้องยุติการทำงานของ CVM ที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป โดยผู้ใช้สามารถใช้งาน CLB ให้ทำหน้าที่กระจายงานไปยังระบบธุรกิจต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการระบบแอปพลิเคชันและปรับทรัพยากรหลังบ้านให้เหมาะสมแบบเรียลไทม์ได้อย่างยืดหยุ่น

 - ธุรกิจมี Traffic ขาขึ้นสูง และจำเป็นต้องสร้างโครงสร้างที่ต้นทุนต่ำ

การใช้ฮาร์ดแวร์แบบดั้งเดิมเพื่อสร้างคลัสเตอร์เมื่อธุรกิจมี Traffic ขาขึ้นสูงนั้นมีราคาแพง และมีงานระบบปฏิบัติการอีกมากที่ต้องทำ CLB สามารถทำงานร่วมกับ Cloud Monitor ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อจัดการ Traffic ช่วงการใช้งานสูง และลดต้นทุนการรันใช้งาน จึงช่วยลดภาระผู้ใช้จากหน้าที่ระบบปฏิบัติการฮาร์ดแวร์ และช่วยให้ผู้ใช้ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาฟีเจอร์สินค้าแทน